วิธีเลือกครีมแก้ฝ้า เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
ครีมรักษาฝ้าไม่ว่ายี่ห้อไหนๆก็เคลมว่าใช้แ้วหน้าาวขึ้น ฝ้าจางลง ไม่กลับมาเป็นซ้ำซ้อนแน่นอน! แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าที่โฆษณาอยู่นั้นไม่เกิน ไม่ลวงโลก ไม่หลอกให้เราใช้ครีมรักษาฝ้าที่มีสารเคมีอันตรายทำร้ายผิว!
วิธีเลือกครีมรักษาฝ้าให้เหมาะกับสภาพผิว
1. เลือกครีมรักษาฝ้าที่ไม่มีสารเคมีทำร้ายผิว
• เลือกครีมรักษาฝ้า ที่ไม่มีสารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
สารไฮโดรควิโนน สามารถยับยั้ง เมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้อย่างชะงัก สามารถทำให้ฝ้าจางหายได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งสารส่วนใหญ่ที่นิยมใช้คือ สาร Hydroquinone คือ สารเคมีที่ช่วยยับยังการสร้างเมลานินให้ลดลง ต้องใช้ปริมาณตามที่แพทย์กำหนดเท่านั้น สามารถใช้ได้แค่ 3 - 4% ก็เพียงพอแล้ว แต่ก็มีผู้ผลิตบางรายที่เห็นแก่ตัว นำสารเคมีที่ชื่อ Hydroquinone มาใช้ในปริมาณที่มากกว่าแพทย์กำหนด เพราะอยากให้ผู้บริโภคใช้แล้ว เห็นผลเร็วทันใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย.. ผลเสียที่จะตามมาก็คือ เมื่อหยุดใช้ ฝ้าจะกลับมาลึกขึ้น สีผิวไม่สม่ำเสมอ บางร้ายแพ้หนักๆผิวไหม้ เจอแสงแดดไม่ได้ มีสิวขึ้นมากมาย กลายเป็นคนผิวแพ้ง่ายจัดไปเลยก็มี
• เลือกครีมรักษาฝ้า ที่ไม่มีสารปรอทแอมโนเนีย (Ammoniated Mercury)
สารปรอทแอมโมเนีย สามารถเข้าไปรบกวนเอนไซม์ไทโรซิเนส ทำให้ลดการสร้างเมลานิน หรือเม็ดสีผิวสีดำที่ทำให้เกิดฝ้า ทำให้หน้าขาวขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว สารชนิดนี้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังได้อย่างสบาย แต่พิษเฉียบพลันคือ สิวเห่อ หน้าบวมแดง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย มีแผลในปาก ไตวาย ถ่ายเป็นเลือด ส่วนพิษเรื้อรังคือ ผิวด่าง-ดำ ทำให้สมอง ตับ และไตผิดปกติ เกิดภาวะเลือดจาง เลือดออกง่าย เป็นอันตรายมาก ถ้าครีมรักษาฝ้าตัวไหนที่โฆษณาเกินจริงว่าขาวเร็ว ขาวไว ฝ้าจายภายใน 3 วัน รู้ไม่เลยว่ามีสารเคมีอันตรายแน่นอน!
• เลือกครีมรักษาฝ้า ที่ไม่มีสารสเตียรอยด์ (Steroid)
เป็นสารที่ผสมในครีมหน้าขาวที่ไม่ผ่าน อย. เพราะทำให้ขาวไว หน้าเนียน และทำให้หน้าแพ้ง่ายไวด้วย สารเสตียรอยด์จะไม่เหมือนสารที่ใช้ในการรักษาฝ้า ที่จะต้องค่อยๆ ถอย ค่อยๆ ลด แต่อันนี้ต้องหยุดเลย และอาจต้องใช้เวลา แต่ละคนก็บอกยากว่าจะยุบลงภายในกี่วันกี่อาทิตย์ การใช้ยาทาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานานหรือใช้ในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยาได้เช่น ผิวลาย ผิวบาง หรือเป็นสิวตุ่มนูนขึ้นทั่วใบหน้า
2. เลือกครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ
• เลือกครีมรักษาฝ้า ที่มีสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ
การเลือกใช้ครีมรักษาฝ้าที่มาจากสมุนไพร มีโอกาสหรือว่าความเสี่ยงในการแพ้ได้น้อยมาก มากถึงมากที่สุด เพราะสมุนไพรที่นำมาเป็นสมุนไพรรักษาฝ้านั้น นอกจากจะช่วยรักษาฝ้าแล้วยังช่วยบำรุงให้ผิวหน้าเราแข็งแรงอีกด้วย บางคนใช้ครีมรักษาฝ้าที่สกัดจากสารเคมี สิ่งหนึ่งที่ได้รับกลับมาหน้าอาจจะหายฝ้าได้อย่างรวดเร็วกว่า แต่หลังจากฝ้าหายหน้ากลับบางมาก ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด และฝ้าจะขึ้นตามมาในไม่ช้า ปัญหาหน้าบางทีเกิดจากการเลือกครีมรักษาฝ้าที่ทำจากสารเคมีคือมีผลข้างเคียง และเสี่ยงต่อการเป็นฝ้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
• เลือกครีมรักษาฝ้าที่มีกรด AHA ธรรมชาติ
เลือกครีมรักษาฝ้าที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ อาร์บูติน กรดโคจิก AHA วิตามินซี และสารสกัดอื่นๆที่ช่วยลดรอยฝ้า กระ เช่น กรดแอเซเลอิค และกรดเรตินอยด์ ซึ่งจะเป็นกรดที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ดำคล้ำให้หลุดลอกได้ ส่งผลให้รอยฝ้าค่อยๆจางลง (หากใครที่แพ้กรด AHA ควรหลีกเลี่ยงนะคะ)
3. ทดสอบอาการแพ้ครีมรักษาฝ้าก่อนใช้
• วิธีทดสอบอาการแพ้ครีม
ลองแต้มครีมทดสอบที่ใต้ท้องแขน หรือข้อพับ, หลังใบหู (ห้ามทดสอบที่ใบหน้าเด็ดขาด) เอาพลาสเตอร์แปะครีมไว้ หลังจากนั้นทิ้งไว้ 12 ชม. หากมีอาการแสบแดง คัน เป็นตุ่มนูน แสดงว่ามีอาการแพ้ ควรหยุดใช้ครีมเหล่านี้ได้เลย
• วิธีตรวจสอบสารเคมีอันตรายด้วยตัวเอง
- ผสมผงซักฟอก กับน้ำ ให้พอข้นเป็นเนื้อครีม
- นำครีมที่เราไม่แน่ใจว่ามีสารเคมีหรือไม่ มาป้ายลงบนทิชชู่
- ป้ายผงซักฟอกที่เราผสมน้ำ ลงบนครีม ทิ้งไว้ 5 นาที ถ้าครีมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แสดงว่ามีสารเคมีอันตรายอยู่มาก อย่างปรอท ไฮโดรคิวโนน เป็นต้น
เพราะผิวหน้าของเราเป็นสิ่งสำคัญการที่จะได้รับครีมแก้ฝ้าไม่ว่าจะยี่ห้อใดๆ ก็ควรเลือกที่ปลอดภัยต่อผิวหน้าไม่มีสารเคมี เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเราหากใครที่ยังไม่แน่ใจว่าครีมรักษาฝ้าแบบไหนที่เหมาะกับผิวหน้า ขอแนะนำชุดรักษาฝ้าของ Herb&Her มีทั้งสบู่ทำความสะอาดผิวหน้า ครีมกันแดดป้องกันรังสี UV และครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติอย่างรากปอสาที่ไม่ทำร้ายผิวหน้า เพราะรากปอสามีฤทธิ์ที่จะช่วยยับยั้งการสร้างเมลานิน ทำให้รอยฝ้าค่อยๆจางลงอย่างอ่อนโยนเลยค่ะ