ฝ้าที่เกิดจากการทำเลเซอร์จะรักษาได้ใหมคะ ต้องใช้ครีมแบบใหนคะ
10 สิ่งที่ควรทำ ถ้าไม่อยากหน้าเป็นฝ้า
ผิวหน้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณจำเป็นจะต้องดูแลอย่างเป็นพิเศษ เพราะหากผิวหน้าคุณมีรอยคล้ำ หน้าเป็นฝ้า ก็คงทำให้คุณรู้สึกแย่ จนไม่อยากออกไปพบเจอผู้คนเเน่นอน วันนี้ Herb&Her ขอนำเสนอ 10 สิ่งที่ควรทำ เพื่อป้องกันและลดรอยฝ้าบนใบหน้าของคุณกันค่ะ
1. ห้ามลืมทาครีมกันแดด
ไม่ว่าคุณจะอยู่กลางแจ้ง ในอาคาร หรือคุณกำลังว่ายน้ำ ก็ไม่ควรลืมทาครีมกันแดดด้วยทุกครั้ง เพราะรังสี UV จากแสงแดดสามารถทำร้ายผิวคุณได้ทุกช่องทาง
หลักในการทาครีมกันแดดที่ดี มีดังต่อไปนี้..
• เลือกใช้ครีมกันแดดที่ถูกต้อง คือป้องกันได้ทั้งแสงอุลตร้าไวโอเลต ชนิด A และ B ( UVA และ UVB ) โดยครีมกันแดดที่ดีควรมีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ( ถ้าต้องอยู่กลางแจ้งนาน เช่น มีกิจกรรมกลางแดดหรือต้องสัมผัสแดดตลอดเวลา ควรเลือกใช้ค่า SPF 60 ขึ้นไป )
• ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 15 นาที และทาซ้ำอย่างน้อยวันละ 2 รอบคือ เช้า และบ่าย เนื่องจากครีมกันแดดที่ใช้โดยทั่วไปมักอยู่ปกป้องผิวหน้าได้เพียง 4-5 ชั่วโมง ต่อการทา 1 ครั้ง ดังนั้นการทาครีมกันแดดตอนเช้าเพียงครั้งเดียวไม่สามารถป้องกันแดดได้ตลอดวัน ในช่วงบ่ายถ้าเป็นไปได้ควรทาอีกรอบหลังล้างหน้า เพราะแสงอุลตร้าไวโอเลตมักจะแรงในช่วงตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น
2. หลบแดด เลี่ยงฝ้า
ถึงแม้ว่าคุณจะทาครีมกันแดดแล้วก็ตาม แต่เวลาที่คุณต้องออกไปเจอแสงแดด ควรใช้ร่มหรือหมวกร่วมด้วยเสมอ เป็นการป้องกันแสงอุลตร้าไวโอเลต 2 ชั้น และความร้อนอาจทำให้ครีมกันแดดละลาย จนเปิดช่องว่างของใบหน้าต่อแสงแดดได้
3. ติดฟิล์มกรองแสงที่จอคอมฯ
นอกจากแสงแดดจะทำร้ายผิวหน้าจนทำให้หน้าเป็นฝ้าได้แล้ว แสงจากจอคอม หลอดไฟ จอมือถือ ฯลฯ ก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้ เพราะแสงเหล่านี้สามารถปล่อยคลื่นรังสี UV ที่ทำร้ายผิวหน้าคุณได้คล้ายกับแสงแดด ดังนั้นหากไม่หยากเป็นฝ้า ก็ควรลดแสงหน้าจอ ติดฟิล์มกรองแสง ทาครีมกันแดด จะช่วยป้องกันการเกิดฝ้าได้ดีเลยทีเดียว
4. เช็ดล้างเครื่องสำอางบนใบหน้า
สารเคมีที่อยู่ในเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็น สี แอลกอฮอล น้ำหอม หรือสารกันเสีย สิ่งเหล่านี้จะเร่งทำปฏิกิริยากับเเสงแดด ทำให้เกิดผิวหน้าไวต่อแดด จนเกิดรอยฝ้า กระ ตามมาได้ เพระาฉะนั้นในแต่ละวันที่คุณกลับมาถึงบ้าน จึงจำเป็นจะต้องดูแลและใส่ใจใบหน้าของคุณด้วยการเช็ด ทำความสะอาดใบหน้าให้เกลี้ยงก่อนที่คุณจะนอน เพื่อให้ผิวหน้าของคุณปลอดภัยจากการเกิดฝ้า และช่วยลดการเกิดสิว รูขุมกว้างได้ด้วย
5. บำรุงผิวหน้าด้วย VitaminE
สรรพคุณของ VitaminsE ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวให้เเข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ VitaminE ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว ลดความหยาบกร้าน พร้อมทั้งช่วยให้ริ้วรอยแห่งวัยลดเลือนลง จุดด่างดำจากสิว และรอยฝ้า กระค่อยๆจางลงได้เป็นอย่างดี
VitaminE สามารถใช้ได้ 2 รูบแบบ
• รูปแบบทา เพียงใช้น้ำมันนวด VitaminE บริสุทธิ์ ทาบำรุงที่จุดด่างดำ รอยฝ้าของคุณ หรือทาทั่วใบหน้า สามารถนำมาผสมในครีมบำรุงที่คุณใช้อยู่เป็นประจำได้ทุกวัน
• รูปแบบทาน VitaminE จะอุดมอยู่ในพืชตระกูลถั่ว ได้แก่ อัลมอนด์, ถั่วลิสง, ถั่วสน), เมล็ดทานตะวัน, น้ำมันจมูกข้าวสาลีและแอปริคอตแห้ง
6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้วเป็นอย่างน้อย จะช่วยให้เติมไฮเดรทจากภายในร่างกายทำให้ผิวได้ดูซับไปใช้ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งได้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย การดื่มน้ำเป็นวิธีที่ช่วยลด และป้องกันรอยฝ้าห้จางลง และยังสามารถส่งผลให้ผิวขาวใส เอิบอิ่มจากภายในสู่ภายนอกได้ (ไม่ควรดื่มน้ำทีเดียวพรวดๆ แต่ควรจิบๆน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว)
7. มาส์กมะละกอ ช่วยลดรอยฝ้า
มะละกอมีเอนไซม์ปาเปน ช่วยผลัดเซลล์ผิวหมองคล้ำ เเละยังช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากมะละกอมีเอนไซม์ปาเปนแล้ว มะละกอยังมี vitaminC & vitaminE ที่ช่วยลดรอยดำจากฝ้า กระ และรอยดำจากสิวได้เป็นอย่างดี
วิธีใช้มะละกอ ลดรอยฝ้า
• ฝานมะละกอสุกเป็นชิ้นๆ นำมาถูที่รอยดำอย่าง ฝ้า กระ หรือรอยสิว 2-3 นาที และทิ้งไว้ 20-30 นาที ล้างออกให้สะอาด (ทำวันละ 2 ครั้ง)
• ปั่นมะละกอสุก ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย นำมาพอกหน้า 30 นาที ล้างออกให้สะอาด (สัปดาห์ละ 3 ครั้ง)
8. ลดความเครียด ลดรอยฝ้า
ความเครียด สามารถทำให้สมดุลฮอร์โมนในร่างกายของคุณไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ หรือเรียกว่าฮอร์โมนแปรปรวนนั่นเอง เมื่อฮอร์โมนแปรปรวน เจ้าเมลานินก็จะก่อตัวสะสม จนเกิดเป็นรอยดำบนผิวหน้า หรือที่เราเรียดว่า ฝ้า ได้ ดังนั้นหากวันใดที่คุณเกืดความเครียด ขอให้คุณทำจิตใจให้สงบ หาเพลงสบายๆฟัง นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย หรืออ่านหนังสือเพื่อแก้อาการเครียด ให้ผ่อนคลายลงได้ ปัญหารอยฝ้าบนใบหน้าก็จะไม่กวนใจคุณแน่นอน
9. ยาคุมกำเนิด ทำให้เกิดรอยฝ้า
ยาคุมกำเนิด จะมีปริมาณฮอร์โมนที่มากเกินสมควร ทำให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนมากขึ้น จนเกิดรอยฝ้าตามมาตามส่วนต่างๆของใบหน้า หากคุณจำเป็นต้อนทานยาคุม ควรเลือกทานยาคุมที่มีระดับฮอร์โมนต่ำ โดยดูที่ฉลากข้างแผง หรือหากไม่แน่ใจควรถามผู้เชี่ยวชาญเพื่อแนะนำยาคุมกำเนิดในระดับปริมาณฮอร์โมนที่เหมาะสม จะสามารถช่วยลดอาการเกิดฝ้าได้
10. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
หากอาการฝ้าของคุณยังไม่ดีขึ้น ควรได้รับคำแนะนำ และหมั่นปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฝ้าบ่อยๆ เพื่อได้รับการรักษาที่ดีที่สุด หลังจากนี้หากแพทย์จะให้คุณใช้ยาทาฝ้า หรือการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ ก็ควรหมั่นศึกษาข้อมูลเหล่านี้ให้มากๆ เพื่อให้เกิดผลดีต่อผิวหน้าของคุณ ในบางกรณีที่ได้รับยาทาฝ้าที่มีปริมาณไฮโรคิวโนนมากเกินไปก็จะทำใหน้าบาง ฝ้าฝังลึก หรือบางรายที่ได้รับการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ก็มังมีอาการผิวไวต่อแสง ทำให้การรักษาฝ้ายาวนาน และสิ้นเปลืองมากยิ่งขึ้น
หากคุณปฏิบัติตาม 10 วิธี ที่เราได้นำเสนอในวันนี้ ผิวหน้าของคุณก็จะห่างไกลรอยฝ้า กระ ได้เป็นอย่างดี และการเลือกครีมทาฝ้านั้นก็สำคัญมาก ควรเลือกใช้ที่ไม่มีสารอันตรายกับผิว อย่างครีมรักษาฝ้าสูตรสมุนไพร Herb&Her ที่ช่วยยับยั้งและป้องกันการเกิดฝ้าได้ดี แต่ถ้า 10 วิธีเหล่านี้ยังไม่จุใจ เรายังมีสูตรสมุนไพรรักษาฝ้ามาให้คุณลองทำตามได้ง่ายๆที่บ้าน หากสนใจสามารถคลิ๊กที่ปุ่มด้านล่างนี้ได้เลย~ :D
ฝ้าที่เกิดจากการทำเลเซอร์จะรักษาได้ใหมคะ ต้องใช้ครีมแบบใหนคะ