"วิธีลดรอยฝ้าที่ดี ต้องมาจากการบำรุงผิวและการทานอาหาร โดยเฉพาะอาการทานอาหารที่มีวิตามินบำรุงผิว ซึ่งวิตามิน นอกจากจะมีในอาหารแล้ว ยังมรมาในรูปแบบอาหารเสริม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เพื่อช่วยในการลดเลือนรอยฝ้าอย่างได้ผลเช่นกัน"
Vitamin A
วิตามินเอ สามารถเจอได้ในอาหารจำพวก ไข่ นม ตับ รวมถึงผักผลไม้ที่ให้วิตามินเอ ได้แก่ ผักผลไม้ที่มีสีเหลือง ส้ม แดง และเขียวเข้ม ควรได้รับ "วิตามินเอ" โดยเฉลี่ย 600 - 800 ไมโครกรัม ต่อวัน
• ประโยชน์ด้านความงาม •
วิตามินเอ มีคุณสมบัติช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ผิว ยับยั้งสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวที่แห้งกร้านอย่าง ข้อศอก ตาตุ่ม หัวเข่า ที่สำคัญช่วยป้องกันการเกิดสิว ที่สำคัญ! วิตามินเอมีสาร Antioxidants ป้องกันการเกิดรอยฝ้า กระ มะเร็งผิวหนัง และยังช่วยต่อต้านริ้วรอย ชะลอวัยได้ดี
• ผลเสีย เมื่อรับวิตามินมากไป •
- แท้งลูกหรือพิการ หญิงมีครรภ์ที่ได้รับวิตามินเอมากเกินไปมีความเสี่ยงต่อภาวะทารกในครรภ์ เนื่องจากวิตามินเอมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์
- อ่อนเพลีย หากร่างกายได้รับวิตามินเอมากเกินไป จะมีผลทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและอาเจียนได้
- เจ็บกระดูกและข้อต่อ เบื่ออาหาร เซื่องซึม นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ผมร่วง ปวดศีรษะ ท้องผูก ทั้งหมดนี้เป็นโทษในระยะยาวที่เกิดจากการรับประทานวิตามินเอมากเกินไป
Vitamin C
วิตามินซี สามารถหาได้จากผัก-ผลไม้ ได้แก่ ดอกกะหล่ำ กะปล่ำปม ขึ้นฉ่าย ต้นหอม ถั่วลันเตา ผักกาดขาว ผักโขม ผักคะน้า ส่วนผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ เชอร์รี่ ส้ม มะนาว ฝรั่ง มะขามป้อม มะละกอ ส้มโอ และ สตรอเบอรี่ ควรได้รับ "วิตามินซี" โดยเฉลี่ย 1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน
• ประโยชน์ด้านความงาม •
วิตามินซี มีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้วิตามินซี ยังเป็นหนึ่งในวิตามินผิวบำรุงผิวที่ไม่อันตราย ไม่สะสมตัวในร่างกาย มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความต้านทานต่อการถูกแดดเผามากขึ้นถึง 20% ทั้งยับช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยลดเมลานิน ทำให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยฝ้า สิว และริ้วรอยได้ดี
• ผลเสีย เมื่อรับวิตามินมากไป •
- ทำให้เป็นเกาต์ เนื่องจากมีปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามข้อกระดูกมากขึ้น และอาจทำให้เกิดโรคเกาต์ได้ในที่สุด
- นิ่วในไต การที่รับวิตามินซีมากเกินไป จนรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซิลิเนียม ซึ่งส่งผลให้มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต
- ท้องเสีย ท้องอืด ท้อเฟ้อ เพราะวิตาิมนซีทั่วไปมีคุณสมบัติ เป็นกรด หากต้องการหลีกเลี่ยงการระคายเคืองกระเพาะอาหาร ควรรับทานวิตามินซี ชนิดที่เป็น กลาง หรือเป็นกรดต่ำ (pH 7.6-8.0)
Vitamin B12
วิตามินบี12 พบได้จากแหล่งอาหาร ได้แก่ ตับ ไต รองลงมาได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่แดง และอาหารหมักดอง เช่น กะปิ น้ำปลา เต้าเจี้ยว และอาหารหมักดอง (วิตามินบี 12 จะไม่พบในพืชผักสด) ควรได้รับ "วิตามินบี12" โดยเฉลี่ย 1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน
• ประโยชน์ด้านความงาม •
วิตามินบี12 มีส่วนช่วยที่ดีต่อการทำงานของระบบประสาท และสมอง แก้โรคเหน็บชา มือชา เท้าชา นอกจากนี้วิตามินบี12 ยังมีส่วนยับยั้งการทำงานของเม็ดสี ช่วยบำรุงเลือด เลือดไหลเวียนดีขึ้น จึงทำให้ช่วยในการลดเลือนรอยฝ้าได้เป็นอย่างดี
• ผลเสีย เมื่อรับวิตามินมากไป •
ยังไม่พบว่ามีภาวะเป็นพิษเกิดขึ้น ถึงแม้คนเราจะได้รับขนาดสูงเป็น 100 เท่าของความต้องการของ ร่างกาย นอกจากโฟเลท ซึ่งบางการศึกษาพบว่ามีผลขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุปริมาณน้อย เช่น สังกะสี แต่ก็ยังไม่ทำให้ภาวะสังกะสีบกพร่องแต่อย่างใด
Vitamin E
แหล่งอาหารที่มีวิตามินอีอยู่ในปริมาณสูง ได้แก่ นม ไข่ ถั่ว ปลา เนื้อสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ น้ำมันพืชต่างๆ ผักที่กินใบ เช่น ผักกาดหอม ผักโขม ควรได้รับ "วิตามินอี" โดยเฉลี่ย 1,000 IU ต่อวัน
• ประโยชน์ด้านความงาม •
วิตามินอี มีส่วนช่วยป้องกันผิวจากการไหม้เกรียมจากแสงแดด ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยแผลได้ดี ทั้งนี้วิตามินอีจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่ดูดซับสารอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำให้เนื้อเยื่อต่างๆที่เสียหายฟื้นฟูดีขึ้น จึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังเซลล์ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น รอยฝ้าจึงค่อยๆจางลง
• ผลเสีย เมื่อรับวิตามินมากไป •
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ไปจนถึงกล้ามเนื้ออ่อนแรง เนื่องจากวิตามินอีไม่สามารถละลายในน้ำได้ จึงต้องขับวิตามินอีส่วนเกินบางส่วนออกมาทางอุจจาระ
"การทานอาหารที่มีวิตามิน หรือการทานอาหารเสริม จะช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น แข็งแรงขึ้น รอยฝ้าจึงจางลงได้ดี แต่การทานวิตามินที่มากไปก็อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ ควรทานแต่พอดีและใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าสูตรสมุนไพรควบคู่ไปด้วยก็จะช่วยให้รอยฝ้าจางลงได้เป็นอย่างดี แถมไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าอีกด้วย"