วิธีลดเลือนรอยฝ้าที่เห็นผล ของสาววัย 30+

28/10/2015 0 Comment(s) บทความเกี่ยวกับฝ้า,บทความบำรุงผิวหน้า,

รอยฝ้า กระ จุดด่างดำ บนใบหน้า สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย เพราะมีปัจจัยมากมายที่ทำให้ใบหน้าที่คุณรักเกิดรอยดำคล้ำ เป็นฝ้าได้ทั้งนั้น! เรามีวิธีป้องกัน และรักษารอยฝ้าแบบง่ายๆมาฝากค่ะ :)

 

 

ฝ้า เกิดจาก?

     “ฝ้า” เกิดจากรังสี UVA/UVB จากแสงแดดทำร้ายผิวหน้า รวมถึงรังสี UV จากหลอดไฟ หน้าจอมือถือ หน้าจอคอมฯ นอกจากนี้ ฝ้า ยังเกิดขึ้นได้จากไอความร้อน รวมถึงฮอร์โมนที่แปรปรวน สารเคมีจากเครื่องสำอาง ยาคุมกำเนิด และกรรมพันธ์ จนทำให้เม็ดสีเมลานินก่อตัว เกิดรอยดำตามส่วนต่างๆบนใบหน้า หรือที่เราเรียกกันว่า “ฝ้า” นั่นเอง!

 

 

วิธีลด และป้องกันฝ้า

 

วิธีที่ 1 : มะนาว

     หนึ่งในตัวช่วยที่ส่งผลทำให้รอยดำ รอยฝ้า ความหมองคล้ำลดลงก็คือการใช้ “มะนาว” ในการช่วยลดรอยฝ้าให้จางลงได้ เพราะมะนาวมีส่วนประกอบของวิตามินซี AHA และกดรซิตริก ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวหมองคล้ำ หรือเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ พร้อมกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ทำให้ผิวขาว กระจ่างใสขึ้นได้ พร้อมลดความมัน ลัลดการเกิดสิวได้ดี

 

 

•ขั้นตอนการใช้•

     หลังจากที่คุณทำความสะอาดใบหน้าแล้ว บีบน้ำมะนาว สัก 1 – 2 ลูก แล้วแต้มน้ำมะนาวที่รอยฝา หรือจะพอกหน้าทิ้งเอาไว้เลยก็ได้ ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ทาครีมบำรุงผิวตามปกติ สามารถทำได้ทุกวัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไวขึ้น

 

•ข้อแนะนำ•

     สูตรมะนาวรักษาฝ้า ไม่ควรออกแดดทันที อาจทำให้ผิวหน้าคล้ำลงกว่าเดิม ควรทำช่วงเย็น แล้วทาครีมบำรุงที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

     ต้องให้แน่ใจว่าผิวคุณจะไม่แพ้ แสบแดง จากมะนาว หากผิวบอบบางเราไม่แนะนำให้ใช้

     สามารถนำโยเกิร์ต น้ำมันอัลมอนด์ น้ำผึ้ง ผสมกับมะนาวเพื่อเพิ่มอาหารให้แก่ผิวหน้า ทำให้หน้าชุ่มชื้น พร้อมบำรุง และช่วยลดรอยฝ้าได้ดี

 

 

 

 

วิธีที่ 2 : ว่านหางจระเข้

     แสงแดด เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดรอยคล้ำ ไหม้ แสบ แดด ว่านหางจระเข้ จะช่วยป้องกันและรักษาอาการไหม้จากแสงแดด ช่วยลด และรักษาฝ้า สิว และขจัดรอยแผลเป็น เพราะว่านหาง มีสารอะโลอิน(Aloin) และสารอื่นๆที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอ็นไซม์ ไทโรซิเนส(Tyrosinase) ช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานินได้ หรือรอยฝ้าได้ นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการติดเชื้อ และมีกรดอ่อนๆ ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ดี

 

 

•ขั้นตอนการใช้•

     ล้างวุ้นว่านหางจระเข้ให้สะอาด ฝานให้เป็นแผ่นบางๆ นำมาพอกหน้า 30-45 นาที ล้างออกให้สะอาด ทาครีมบำรุงผิวตามปกติ สามารถทำได้ทุกวัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไวขึ้น

 

•ข้อแนะนำ•

     1. หากไม่มีวุ้นว่านหางจระเข้สดๆ สามารถใช้เจลว่านหางจระเข้ 100 – 95% แทนได้

     2. สามารถนำว่านหางจรเข้ผสมกันมะนาว น้ำผึ้ง เพื่อเพิ่มการบำรุงผิวหน้าได้อีก

 

 

 

 

 

 

 

 

วิธีที่ 3 : เช็ดล้างเครื่องสำอาง

     การเช็ดล้างเครื่องสำอาง จะช่วยลดการเกิดรอยฝ้า กระ สิว ได้ เพราะผิวหน้าของคุณในแต่ละวันจะต้องเผชิญทั้งสารเคมีจากเครื่องสำอาง ฝุ่น ควัน แบคทีเรีย สิ่งเหล่านี้จะเร่งทำปฏิกิริยากับเเสงแดด ทำให้เกิดผิวหน้าไวต่อแดด จนเกิดรอยฝ้า กระ แถมยังทำให้หน้ามันจนสิวตามมาได้

 

 

•ขั้นตอนการใช้•

     ทำความสะอาดใบหน้า วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกอุดตันภายในรูขุมขน  เพราะฉะนั้นในแต่ละวันที่คุณกลับมาถึงบ้าน จึงจำเป็นจะต้องดูแลและใส่ใจใบหน้าของคุณด้วยการเช็ด ทำความสะอาดใบหน้าให้เกลี้ยงก่อนที่คุณจะนอน เพื่อให้ผิวหน้าของคุณปลอดภัยจากการเกิดฝ้า และช่วยลดการเกิดสิว รูขุมกว้าง

 

•ข้อแนะนำ•

     1. เลือกโฟมล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว และเลือกสูครที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า

    2.  ถ้าแต่งหน้าเป็นประจำ ควรเช็ดล้างเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนล้างหน้า

    3.  หลังล้างหน้าควรทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำเพื่อคงความชุ่มชื้นแก่ผิว

 

 

 

 

 

 

วิธีที่ 4 : ทาครีมรักษาฝ้าสูตรสมุนไพร

     ครีมรักษาฝ้าสูตรสมุนไพร จะช่วยแก้ปัญหารอยฝ้า กระ บนใบหน้าได้ดีกว่าการใช้เคมีอย่าง ไฮโดรควิโนน เพราะครีมฝ้าที่มีเคมีชนิดนี้ อาจช่วยให้รอยฝ้าลดลงในครั้งแรก แต่เมื่อหยุดใช้ หรือใช้นานวันเข้า รอยฝ้าก็จะชัดขึ้น ผิวหน้าบางลง

 

 

•ขั้นตอนการใช้•

     ควรทาครีมรักษาฝ้าเป็นประจำ เช้า-เย็น เพื่อช่วยให้การรักษาฝ้าอย่างเห็นผล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ครีมรักษาฝ้าจะช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้รอยฝ้า กระ จุดด่างดำดูจางลง สีผิวสม่ำเสมอกันมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยบำรุงผิวหน้าให้กระจ่างขึ้น

 

•ข้อแนะนำ•

     1. ควรเลือกครีมรักษาฝ้าที่เป็นสูตรสมุนไพร ไว้ใจได้ มีเลขที่จดแจ้ง อย. และ สธ.

     2. ระบุส่วนผสมชัดเจน บอกแหล่งผลิต และวันผลิต – วันหมดอายุ

     3. ควรทดสอบอาการแพ้ครีมก่อนใช้ ทาที่ใต้คาง หรือท้องแขน 12 ชม.

 

 

 

 

 

 

วิธีที่ 5 : ทาครีมกันแดด

     ครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด ช่วยให้ผิวหน้าลดปัญหารการเกิดรอยฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำได้ดี 

 

 

•ขั้นตอนการใช้•

     ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 15 นาที พร้อมทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง และเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA++++ เพื่อช่วยปกป้อง และป้องกันแสงแดดไม่ให้เข้ามาทำร้ายผิวหน้า การทาครีมกันแดดไม่จำเป็นต้องออกไปเจอแสงแดดเท่านั้น แม้อยู่ในบ้านก็ควรทาเช่นกัน

 

•ข้อแนะนำ•

     1. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในเวลา 10.00 น. – 16.00 น.

     2. สวมหมวก กางร่ม เมื่อต้องออกไปเจอแสงแดด

     3. สวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด ปลอดโปร่ง เหมาะแก่การระบายเหงื่อ

 

 

 

 

 

 

วิธีที่ 6 : ทาอาหารลดฝ้า

     การทานอาหารมีประโยชน์มีส่วนช่วยในเรื่องการต่อต้านอนุมลอิสระ ทำให้ระบบภายในร่างกายดีขึ้น รวมถึงร่างกายได้ขับสารพิษอย่างง่ายดาย จึงช่วยส่งผลให้ผิวพรรณกระจ่างใส ลดปัญหารอยฝ้า กระ จุดด่างดำ และสิว ริ้วรอย ได้เป็นอย่างดี

 

 

•ขั้นตอนการใช้•

     เลือกทานอาหารที่มีเส้นใยไฟเบอร์ วิตามินบี วิตามินซี และแร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลส้ม ฝรั่ง แตงโม เบอรี่ ตับ เนื้อปลา และพืชตระกูลถั่ว

 

•ข้อแนะนำ•

     1. เลือกทานอาหารเสริมจำพวกวิตามินรวม

     2. ทานอาหารเสริมที่เป็นวิตามินซี เมล็ดองุ่น

     3. ทานวิตามินบี 12 เพื่อช่วยลดรอยฝ้า

 

 

 

 

 

 

 

การรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ สาวๆจะต้อใจเย็น และทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้รอยฝ้าลดลงได้เป็นอย่างดี และอย่าลืมเลือกใช้ครีมรักษาฝ้า Herb&Her เพื่อลดการเกิดเม็นสีเมลานิน ทำให้รอยฝ้าจางลงได้เป็นอย่างดีด้วยนะคะ :)

 

เขียนความคิดเห็น...