ใครหน้าเป็นฝ้า มาดูวิธีรักษาฝ้าให้หายขาดกันเถอะ
ใครๆก็ต่างกลัวว่าการรักษาฝ้านั้นอาจเป็นสิ่งที่สิ้นเปลือง ทั้งเปลืองเงิน เปลืองเวลา และก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สมัยนี้มีการพัฒนาเรื่องการรักษาฝ้าอยู่มากมายที่ทำให้ฝ้ารักษาให้หายขาดได้ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีใดบ้างที่ทำให้ฝ้าสามารถรักษาให้หายขาดได้จริง..
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดฝ้า
แสงแดด
แสงแดดที่ทำร้ายผิวหน้าจนเกิดฝ้า มาจากรังสี UVA และ รังสี UVB ที่เข้าไปกระตุ้นเมลานิน (เซลล์เม็ดสีผิว) จนทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดรอยดำ น้ำตาล กระจุกอยู่บนใบหน้า ซึ่งแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อผิวคนเรามากที่สุด มักอยู่ในช่วงเวลา 9.00 น. - 17.00 น. จึงควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาดังกล่าว หากไม่อยากเกิดฝ้าตามมา
ฮอร์โมน
ด้วยอิทธิพลของฮอร์โมน จะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติจนเกิดรอยปื้นน้ำตาลบนใบหน้า ซึ่งมี 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ได้แก่..
ปัจจัยภายใน : ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลทำให้ฮอร์โมนแปรเปลี่ยน ได้แก่ วัยใกล้หมดประจำเดือน ช่วงตั้งครรภ์ (ฝ้าขณะตั้งครรภ์ หลังจากคลอด 3-6 เดือนขึ้นไปฝ้าจะค่อยๆจางลงได้เอง)
ปัจจัยภายนอก : ครีมที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนที่ใช้ในครีมพวกเครื่องสำอาง ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมน ยากันชัก ยาแก้อักเสบ สิ่งเหล่านี้มักเกิดผื่นดำคล้ายรอยฝ้าที่บริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า
ขาดสารอาหาร
พบว่าผู้ที่เป็น ฝ้า ส่วนใหญ่ มีการทำงานของตับผิดปกติ และ ผู้ที่ขาดวิตามินบี12 ควรทานเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง และอาหารหมักดองเช่น กะปิ น้ำปลา เต้าเจี้ยว เพื่อช่วยลดการเกิดฝ้า
วิธีรักษาฝ้าให้หายขาด
1. ใช้ครีมกันแดด
ครีมกันแดด มีส่วนช่วยในการรักษาฝ้าให้หายได้ เพราะครีมกันแดดจะสามารถป้องกันทั้งรังสี UVA/UVB ที่จะเข้ามากระทบทำร้ายผิวหน้า ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50PA+++ และควรทาก่อนออกจากบ้าน 15 นาที หากอยู่กลาแจ้งทั้งวันควรทาซ้ำทุกๆ 80 นาที ซึ่งจะสามารถป้องกันรังสี UV ได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากการทาครีมแล้วก็อย่าลืมพกร่มกันแดด ใส่เสื้อคลุมแขนยาว เพื่อป้องกันรังสี UV ทำร้ายผิว
2. ใช้ครีมรักษาฝ้า
ครีมรักษาฝ้า เป็นอีกสิ่งที่จะช่วยยับยั้งเมลานินที่ทำให้เกิดฝ้าได้ ซึ่งครีมรักษาฝ้าก็มีหลายหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เป็นเคมี และแบบสารสกัดจากธรรมชาติ ครีมรักษาฝ้าทั้ง 2 รูปแบบนี้สามารถรักษาฝ้าให้หายได้ แต่ควรทาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพราะความลึก ตื้น ของฝ้านั้นแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องใช้ระเวลาในการรักษา
ครีมรักษาฝ้า สารเคมี อย่างสารไฮโรคิวโนน (Hydroquinone) เป็นสารเคมีที่ช่วยยับยังการสร้างเมลานินให้ลดลงได้จริง ทำให้รอยฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าเลือนหายไปได้ ในเวลาอันสั้น แต่ต้องใช้ตามที่แพทย์ผิวหนังกำหนดเท่านั้น!
ครีมรักษาฝ้า สารสกัดธรรมชาติ จะช่วยรักษาฝ้าได้อย่างอ่อนโยน แต่อาจจะไม่เห็นผลไวเท่าครีมรักษาที่เป็นสารเคมี เพราะสารสกัดจากธรรมชาตินั้น จะค่อยๆบรรเทา รักษาตามระยะเวลาความลึกของฝ้านั่นเอง
3. เลเซอร์รักษาฝ้า
Laser รักษาฝ้า จะทำให้ฝ้าที่เป็นอยู่จางลง และรักษาฝ้าให้หายได้ ซึ่งไม่ใช่การรักษาฝ้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ต้องไปรักษาตามที่แพทย์นัดวัน เพราะตามอาการฝ้าเป็นลึกตื้นมากน้อยแค่ไหน แต่ส่วนใหญ่ก็ต้อง 4-6 ครั้ง ถ้าคนไข้ไม่มีเวลา อาจจะมาทำแค่ Golden peel เพื่อที่จะได้ทำให้ฝ้าลดจางไปบางส่วน แล้วก็ทายาตามที่หมอแนะนำ แต่ถ้าฝ้าเป็นลึกและมาก อาจจะจำเป็นต้องทา Super whithening cream ทาบางๆก่อนนอนเพิ่ม ยาตัวนี้อาจจะระคายเคืองผิว
รักษาฝ้าด้วยครีมที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ ดีอย่างไร ?
ครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากราก ปอสา มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase Inhibitor ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่เร่งขบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินให้ผิวคล้ำเสีย และทำให้ผิวเกิดฝ้า และช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ ซึ่งสารสกัดจากรากปอสา สามารถพบได้ในครีมรักษาฝ้า "Melablock Plus Cream" ของ Herb & Her ที่ไม่สารเคมีอันตรายต่อผผิวหน้า เช่น สารปรอท สารไฮโรคิวโนน ที่เมื่อหยุดใช้แล้ว ฝ้า ฝักลึกยิ่งกว่าเดิม ครีมรักษาฝ้า "Melablock Plus Cream" เป็นครีมที่ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า และมีส่วนช่วยในการป้องกันรังสี UV ทำให้ฝ้าบนใบหน้าค่อยๆเลือนจางได้เรื่อยๆ เมื่อใช้เป็นประจำ
ดังนั้น หากไม่อยากให้ฝ้ากลับมา ต้องอย่าลืมดูแลตัวเองไม่ว่าจะเป็นภายใน หรือภายนอก คือ การทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่าเครียดมาก อย่านอนดึก และอย่าลืมดูแลผิวด้วยการทาครีมรักษาฝ้า "Melablock Plus Cream" ของ Herb & Her เพียงเท่านี้ คุณก็ได้ผิวหน้าที่ขาวใส ไร้ฝ้ากวนใจแล้วล่ะค่ะ